เทรนด์รักสุขภาพช่วงนี้ยังแรงไม่ตกจริงๆ เป็นที่ทราบกันดีว่าในช่วงรอบปีที่ผ่านมา เราต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อร่างกายเราอย่างมาก ทั้งปัญหาฝุ่นควัน สภาพอากาศที่เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝนตก คนจึงหันมาดูแลสุขภาพร่างกายกันมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย หรือรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
ต้นอ่อนข้าวสาลี เป็นอีกพืชผักอีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มของคนรักสุขภาพ ซึ่งการทำ ‘น้ำคั้นต้นอ่อนข้าวสาลี‘ เป็นที่รู้จักในประเทศไทยมาหลายปีแล้ว ซึ่งเจ้าต้นอ่อนข้าวสาลีนี้ปัจจุบันสามารถนำไปแปรรูปได้มากมายทั้งการคั้นน้ำสด (Wheatgrass) สกัดเป็นยาบำรุง นำไปทำเป็นชา หรือแม้กระทั่งสามารถนำไปเป็นหญ้าแมวก็ได้เช่นกัน
โดยคุณเปาเผยว่า จุดเริ่มต้นที่เข้ามาสู่แวดวงเกษตรนั้น ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 9 ปีที่ผ่านมา ซึ่งตอนนั้นเรียนมหาวิทยาลัยในสาขาวิชาสัตวบาล กระทั่งได้มีโอกาสไปฝึกงานในสถานที่แห่งหนึ่ง แต่กลับรู้สึกว่าไม่ชอบการเป็นมนุษย์เดือน จึงตัดสินใจว่าหากเรียนจบจะประกอบธุรกิจส่วนตัว เพื่อสานฝันที่อยากเป็นเจ้าของฟาร์มในอนาคต
พอช่วงเรียนจบก็ศึกษาเรื่องการทำ ‘ต้นอ่อนทานตะวัน‘ เพราะมองว่าเป็นพืชผักที่ใช้ระยะเวลาในการปลูกไม่นาน 7 วัน ก็สามารถตัดขายได้แล้ว และที่สำคัญในช่วงเวลานั้นยังไม่เป็นที่แพร่หลาย ซึ่งได้ลองผิดลองถูกอยู่หลายปีจนประสบความสำเร็จในการปลูกต้นอ่อนทานตะวัน
ซึ่งรายได้หลักแล้วมาจากการจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ ทั้งต้นอ่อนทานตะวัน ต้นอ่อนข้าวสาลี ในแต่ละลอตที่สั่งเมล็ดพันธุ์เข้ามา ก็จะทดลองปลูกเพื่อในมั่นใจว่าในชุดเมล็ดพันธุ์ที่สั่งเข้ามานั้นได้คุณภาพ ก่อนส่งต่อถึงมือลูกค้าอีกทอดหนึ่งจนกระทั่งในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา เกิดกระแสการทำ ‘น้ำคั้นต้นอ่อนข้าวสาลี‘ เนื่องจากผลวิจัยและข้อมูลจากหลายๆแห่ง ระบุว่า น้ำคั้นต้นอ่อนข้าวสาลี มีส่วนประกอบหลักของคลอโรฟิลล์ และมีวิตามินเอ ซี และอี นอกจากนี้ยังพบแร่ธาตุต่างๆ อีกมากมาย
ในช่วงแรกที่ทดลองปลูก ‘ต้นอ่อนข้าวสาลี‘ ได้ใช้พื้นที่หลังบ้านในการทดลองปลูก แต่กลับเกิดปัญหามากมายโดยเฉพาะเรื่องโรครา โรคเน่า เนื่องจากเป็นการปลูกแบบเปิด จึงไม่สามารถควบคุมสภาพอากาศได้ เลยตัดสินใจหาพื้นที่ทำแปลงปลูกเป็นห้องที่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ ซึ่งคุณเปายังบอกเคล็ดลับในการปลูกต้นอ่อนข้าวสาลีด้วยว่าหากไม่อยากให้เป็นเป็นโรคต่างๆ ‘ต้นทาง‘ สำคัญที่สุด นั้นหมายความว่า ทั้งเมล็ดพันธุ์ และวัสดุที่จะใช้ปลูกทั้งกระบะปลูก ขุยมะพร้าว แกลบดำ ต้องสะอาดไม่เป็นที่มาของโรคต่างๆ
สำหรับการปลูก ‘ต้นอ่อนข้าวสาลี’ ที่ฟาร์มของคุณเปานั้น จะเริ่มต้นจากการนำเมล็ดพันธุ์ไปแช่น้ำ 5 ชั่วโมง เพื่อให้เมล็ดบาน หลังจากนั้นจะนำเมล็ดไปบ่มโดยจะใส่ไว้ในกระสอบอีกเป็นเวลา 12 ชั่วโมง โดยวางไว้ในอุณหภูมิห้องปกติ เพื่อทำการกระตุ้นราก
หลังจากนั้นก็สามารถนำไปเพาะปลูกได้เลย โดยกระบะปลูกที่ฟาร์มจะใช้ขนาดมาตรฐานคือ ขนาด 30 คูณ 60 โดยจะนำขุยมะพร้าวมาคลุกเคล้ากับแกลบดำและนำใส่กระบะ ซึ่งเมล็ดต้นอ่อนข้าวสาลี 1 กิโลกรัม สามารถนำมาปลูกใส่กระบะได้ประมาณ 5 กระบะ หลังจากนำเมล็ดใส่กระบะแล้วจะนำกระบะมาซ้อนทับกันเป็นเวลา 2 วัน เพื่อไม่ให้รากแห้ง หลังจากครบกำหนดแล้วให้ทำการแยกกระบะแล้วรดน้ำเพื่อครั้งเดียวในรอบการปลูก เนื่องจากสถานที่ปลูกเป็นแบบปิดสามารถควบคุมความชื้นที่พอเหมาะได้ แต่ถ้าหากเป็นการปลูกแบบเปิดควรรดน้ำอย่างน้อย 2 วัน หรือตามสภาพอากาศในตอนนั้น
หลังจากนั้น 4 วันก็สามารถกับเกี่ยวเพื่อจำหน่ายได้แล้ว โดยราคาขายที่ฟาร์มสำหรับคนที่มารับหน้าฟาร์ม ราคากิโลกรัมละ 300-350 บาท หรือส่งทางไปรษณีย์ กิโลกรัมละ 450-500 บาท จัดส่งฟรี นอกจากนี้ยังจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ต้นอ่อนข้าวสาลี ซึ่งเป็นเมล็ดพันธุ์ที่สั่งมาจากประเทศออสเตรเลียที่มีคุณภาพ คุณเปา กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เหตุที่ต้องใช้เมล็ดต้นอ่อนข้าวสาลีจากต่างประเทศ เนื่องมาจากมีคุณภาพและปริมาณสินค้ามีจำนวนมากเพียงพอต่อการจำหน่ายและนำไปเพาะปลูก
ส่วนช่องทางการตลาดของทางฟาร์ม มีฐานลูกค้าเก่าอยู่แล้วซึ่งจะเป็นการบอกปากต่อปาก โดยตอนนี้จะเน้นเจาะกลุ่มออนไลน์เริ่มจากการทำเว็บไซต์ และสื่อโซเชียลทั้งในเพจเฟซบุ๊ก ซึ่งจะได้กลุ่มลูกค้าที่กว้างมากยิ่งขึ้น ส่วนมุมมองของเจ้า ‘ต้นอ่อนข้าวสาลี’ ในอนาคต ตนมองว่ายังไปได้อีกไกล เนื่องจากตอนนี้กระแสคนหันมาดูแลสุขภาพเยอะขึ้น ทำให้พืชผักสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นที่นิยม
สำหรับผู้ที่สนใจอยากลองปลูกต้นอ่อนข้าวสาลี คุณเปา ได้แนะนำว่าควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ซึ่งปัจจุบันข้อมูลและความรู้ต่างๆมีมากมาย โดยเฉพาะในอินเตอร์เน็ต และสิ่งสำคัญคือการลงมือทำด้วยตนเอง ซึ่งเราสามารถรู้ปัญหาและวิธีการแก้ไขด้วยตัวเราเอง หากเรามั่นใจในสินค้าเกษตรของเราแล้วก็ต่อยอดไปสู่การหาตลาดที่รองรับต่อไป ทั้งนี้หากใครที่สนใจอยากศึกษาเรียกรู้ หรือสนใจสั่งซื้อต้นอ่อนข้าวสาลี หรือเมล็ดพันธุ์ต่างๆ สามารถติดต่อได้ที่ ‘จอมทองฟาร์ม’ ซอยกันตนา ต.บางใหญ่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี หรือโทรติดต่อได้ที่เบอร์ 0615659542 (คุณเปา)
Related posts