ไอเดียการปลูกพริกในกระสอบบนที่ดิน 1 งาน ของ คุณ พิเชษ ด้วงชู ที่สามารถทำเงินได้หลักหมื่นต่อเดือนได้ง่ายๆ โดย คุณ พิเชษ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทางบ้านก็ทำสวนยางพาราอยู่แล้ว แต่ด้วยราคายางพาราที่ตกต่ำทำให้รายได้ลดลงอย่างมาก แต่ก็พอมีที่ดินเล็กๆว่างอยู่ข้างบ้าน ประมาณ 1 งาน แต่ดินไม่ดีปลูกอะไรก็ยาก จึงศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจาก “โครงการเกษตรเพื่อชีวิต เกษตรรุ่นใหม่ ใส่ใจมาตรฐาน” และ ได้นำเอาแนวคิด การปลูกพริกในกระสอบ มาปรับใช้ในที่ดินของตนเอง
แล้วทำไมไม่ปลูกลงดินโดยตรงไปเลย…? สาเหตุเพราะว่า การปลูกพริกลงในกระสอบนั้น ไม่ว่าดินจะมีสภาพแย่แค่ไหนก็ปลูกได้หมด เพราะเราสามารถปรับปรุงดินได้ ถ้าปลูกลงดินโดยตรงเวลาเราใส่ปุ๋ยบำรุงดิน ปุ๋ยจะกระจายไปทั่ว ซึมลงดินไปตามกระแสน้ำ แต่ถ้าเราใส่ปุ๋ยบำรุงในกระสอบ ปุ๋ยก็จะอยู่แค่ในกระสอบ และ ยังปลูกพริกได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องพักดิน
ก่อนหน้าที่จะทำได้สำเร็จก็เกิดคำถามและข้อสงสัยมากมายว่า ทำได้จริงหรือเปล่า เพราะคิดว่าที่ดินแค่งานเดียว จะไปทำอะไรได้ แต่เมื่อได้เริ่มลงมือทำ… ปรากฏว่าผิดคาด แค่ลองครั้งแรก ตามประสาคนไม่มีประสบการณ์ หักต้นทุน ยังเหลือกำไรตั้งห้าพันบาท และ พอมาลงมือทำแบบจริงจัง อาศัยบทเรียนจากครั้งแรกต่อยอดมาทำบนที่ดิน 1 งาน ปลูกพริกกระสอบ 200 ถุง ปลูกไปได้ 3 เดือน ก็เริ่มเห็นผล แต่ละเดือนได้พริกประมาณ 120 กก. ราคากิโลละ 130-150 บาท คำนวนคร่าวๆก็ตกเดือนละ 15,000-18,000 บาท
วิธีปลูกพริกกระสอบให้ได้ผล นาย พิเชษ บอกเคล็ดลับว่า เริ่มจากนำดินร่วนปนทราย 12 กก. มาผสมมูลวัว 5 ขีด ปูนขาว 1 กำมือ คลุกเคล้าให้เข้ากันใส่ถุงปุ๋ย พับปากถุงให้สูงขึ้นมาจากดินที่บรรจุอยู่ในถุงประมาณ 1 ฝ่ามือ เพื่อช่วยบังลมให้ต้นกล้าพริก
ส่วนพันธุ์พริกที่จะนำมาปลูกนั้นแล้วแต่จะเลือกใช้ ขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาดในแต่ละพื้นที่ แต่สำหรับพัทลุง จะใช้พริกพันธุ์เดือยไก่ เพราะตลาดในแถบนี้มีความต้องการพริกพันธุ์เดือยไก่มากกว่าชนิดอื่น ทำให้ได้ราคาดีกว่าพริกชนิดอื่น
ลงปลูกเพียงแค่ 3 เดือน สามารถเก็บขายได้นานเป็นปีหรืออาจจะมากกว่า ขึ้นอยู่กับการดูแล สูตรการปรุงดิน และเมื่อต้นพริกวาย (หมดอายุ) ก็แค่ยกกระสอบออกนำดินไปเทผึ่งแดด หาดินชุดใหม่มาใส่กระสอบทำเหมือนเดิม ไม่ต้องพักหน้าดินรอให้เสียเวลาแบบตอนที่ปลูกลงดิน สามารถสร้างผลผลิตได้ต่อเนื่อง
แนวทางการทำเกษตรด้วยการปลูกพืชในกระสอบนั้น ถือว่าเป็นวิธีที่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จักแต่ คุณ พิเชษ ก็ได้เรียนรู้และนำมาปรับใช้จนเหมาะสม ถือได้ว่าเป็นเกษตรกรยุคใหม่ที่ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้ดี ใฝ่หาข้อมูลความรู้ ลองผิดลองถูก พัฒนาแนวทาง จนสามารถนำเอาความรู้ทางการเกษตรมาประกอบเป็นอาชีพสร้างรายได้ให้ครอบครัวและตัวเองได้เป็นอย่างดี เป็นตัวอย่างคนรุ่นใหม่ กล้าคิด และลงมือทำ เพื่อมุ่งไปสู่ความสำเร็จในทางของเราเอง
ขอบคุณที่มา คุณ พิเชษ ด้วงชู
Related posts