มะนาวนิ้วมือ เป็นไม้พื้นเมืองของประเทศออสเตรเลีย มักพบได้ทั่วไปตามป่าที่เป็นทะเลทราย มีลักษณะเป็นไม้พุ่ม สูง 3 เมตร ใบเล็ก ออกเรียงสลับ รูปรีกว้าง ดอก ออกเป็นช่อตามซอกใบ กลีบดอกสีขาว “ผล” ผลมีลักษณะเป็นรูปทรงกระบอกหรือโค้ง ขนาดความยาวของผลมีประมาณ 8-16 ซม. ภายในผลจะมีเมล็ดอยู่ประมาณ 10 เมล็ด  ดูคล้ายกับเป็นนิ้วมือมนุษย์ จึงถูกเรียก “มะนาวนิ้วมือ” ส่วนลักษณะเนื้อในผลเป็นเม็ดกลมใสๆเล็กๆจำนวนมาก ดูคล้ายไข่ปลาคาเวียร์ เลยถูกเรียกอีกชื่อว่า “มะนาวคาเวียร์” และเรียกชื่อรวมๆในประเทศไทยจะเรียกว่า “มะนาวนิ้วคาเวียร์” ภายในผลที่มีเม็ดกลมใสๆ จะมีนํ้าเป็นสีสันตามแต่ละสายพันธุ์ ที่มีมากกว่า 20 สายพันธุ์  แต่กระนั้นในเรื่องของรสชาติเปรี้ยวมีกลิ่นหอมนั้นมีลักษณะเหมือนกันทุกอย่าง โดยมีรสชาติไม่เปรี้ยวจัดมากนัก มีกลิ่นหอมน่ารับประทาน และเนื้อผลจะไม่ติดกับเปลือกผลทำให้สามารถใช้ช้อนตักเนื้อสามารถทำได้อย่างง่าย มักนำไปปรุงอาหาร เพิ่มรสสัมผัสในการรับประทานอาหาร เหมาะกับการทานคู่อาหารทะเลเพื่อดับคาว กับน้ำพริก หรือจะทานคู่กับอาหารหวาน ก็ทานได้อย่างเข้ากัน

 

 

      พันธุ์ที่ปลูกส่วนใหญ่จะเป็นพันธุ์ที่มีดอกและติดผลดกเต็มต้นปีละครั้งตามฤดูกาล แต่สายพันธุ์ที่มีดอกและติดผลตลอดทั้งปีนี้จะมี 1-2 พันธุ์เท่านั้น สายพันธุ์ที่ถูกนำเข้ามาปลูกและขยายพันธุ์ในประเทศไทย เป็นพันธุ์ที่มีผลเป็นสีชมพูอมแดงเล็กน้อย กำลังเป็นที่นิยมปลูกอย่างแพร่หลายอยู่ในปัจจุบัน หรือปลูกเป็นไม้ประดับตกแต่งบ้านเรือนเพิ่มมากขึ้นในประเทศไทย

      ในทุกวันนี้มะนาวนิ้วมือกำลังเป็นที่นิยมมาก มีความแปลกใหม่ สามารถปลูกเพื่อประดับตกแต่งบ้านได้ และสามารถนำมาประกอบอาหารเพื่อเพิ่มมูลค่าได้ แต่เนื่องด้วยยังใหม่ พันธุ์ยังไม่แพร่หลายมากนักราคาจึงมีราคาค่อนข้างสูง แต่ถ้าต้นที่สามารถให้ผลผลิตได้แล้วก็ราคาหลักหมื่นเลยทีเดียว โดยราคาขาย ขายกันถึงลูกละ 100-150 บาท ถ้าเป็นกิโลกรัม ราคาพุ่งสูงถึงกิโลกรัมละ 4,000 บาทเลยทีเดียว

 

คำแนะนำ สำหรับการปลูกในประเทศไทย

  มะนาวนิ้วคาเวียร์ ปลูกง่ายโดยใช้เมล็ดหรือใช้วิธีปักชำ สามารถเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่ปริมาณน้ำฝนสูงและมีแสงแดดมาก และมะนาวนิ้วมือยังสามารถทนต่อน้ำค้างและแสงแดดจัดได้ นอกจากนี้ยังสามารถเจริญเติบโตได้ดีในกระถางอีกด้วย อย่างไรก็ตามควรจะปลูกในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิ 15-29 องศาเซลเซียส จะได้ผลดีที่สุด

  แม้เป็นพืชชนิดที่ปลูกแล้วใช้นํ้าน้อย แต่ฤดูที่เหมะสมสำหรับการปลูกคือฤดูฝน ต้นมะนาวคาเวียร์ในระยะ 12 เดือนแรกหลังจากลงปลูกจะโตอย่างช้าๆ และควรพลางแสงตลอดทั้งปีนอกจากนี้หากต้นมะนาวคาเวียร์ไม่ได้รับการพลางแสง หรือได้รับแสงมากในช่วงฤดูร้อนจะทำให้กิ่งขนาดเล็ก จะแห้งตายได้  

  ความต้องการปุ๋ยของมะนาวนิ้วคาเวียร์นั้นยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ต้องการน้อยกว่าการปลูกส้มทั่วไป เนื่องจากลักษณะใบที่เล็กมาก และระบบรากส่วนใหญเป็นรากฝอยที่อยู่ลึกลงไปในดินเพียงแค่ 30-60 ซม.เท่านั้น ทำให้สามารถหาอาหารในระดับผิวดินตื้นๆ ได้ ในการใส่ปุ๋ยจึงสามารถให้เพียง 25-30%จากที่ให้กับต้นส้ม  โดยปุ๋ยเคมีที่นิยมใช้สำหรับมะนาวนิ้วคาเวียร์ ส่วนใหญ่จะเป็นสูตร 15-4-11

  ต้นมะนาวคาเวียร์หากได้รับการดูแลบำรุงรักษาอย่างดี เมื่อปลูกไปได้ประมาณ 5-6 ปี จะสามารถให้ผลผลิตได้ถึง 20 กก./ปี ขนาดผลโดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 6-12 ซม. และน้ำหนักของผลประมาณ 60 กรัม

 

แหล่งข้อมูลอ้างอิง